วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2560

#

จอมเหน่อเผลอมาเล่า : “เหนียว แน่น หนึบ” ทีเด็ด “ช้างศึก” ยุค “ราเยวัช” ที่อาจพิชิต “ยูเออี”

ช้างศึก, ราเยวัช, ทีมชาติไทย

    ที่ผ่านมาแฟนบอลชาวไทยมักจะคุ้นชินกับการเล่นเกมรุกที่เร้าใจ แต่นั่นก็เป็นเพียงกลวิธีหนึ่งเท่านั้น เพราะในโลกของฟุตบอลถือเป็นศาสตร์และศิลป์ที่จะต้องมีทั้งเกมรับเกมรุกที่ดี แม้ว่าการเล่นเกมรุกจะทำให้แฟนบอลตื้นเต้นเร้าใจ แต่อย่าลืมว่าหากขาดเกมรับที่เหนียวแน่น คงเป็นไปไม่ได้ที่ทีมๆ นั้นจะมีสมดุล และประสบความสำเร็จได้ และดูเหมือนว่ากุนซือขรัวเฒ่าที่ชื่อ “มิโลวาน ราเยวัช” จะมองเห็นจุดอ่อนที่ “ช้างศึก” ขาดไปตรงจุดนี้ และต้องการเพิ่มความ “เคี้ยว” ให้กับแนวรับ “ทีมชาติไทย” ให้ได้มากที่สุดในยุคของเขา เพื่อพาทีมก้าวสู่ระดับแนวหน้าเอเชียให้ได้

    แน่นอนว่าก่อนที่กุนซืออย่าง “มิโล” จะนำขุนพล “ช้างศึก” ของเขาบุกไปพ่ายให้กับทีมชาติ “อุซเบกิสถาน” 0-2 ประตูในเกมอุ่นเครื่องเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา เขาได้บอกอย่างชัดเจนในขณะเก็บตัวว่า สิ่งแรกที่เขาต้องการเปลี่ยนแปลงก็คือวินัยในการเล่นเกมรับของนักเตะไทย และเมื่อย้อนดูจาผลงานในยุคก่อนๆ ก็ไม่แปลกใจเลย เพราะเกมรับของทีมชาติไทยนั้นค่อนข้างมีปัญหาจริงๆ (เอาไม่อยู่) หากต้องเจอกับทีมแกร่งในระดับเอเชีย

    ปัญหานี้อาจจะถูกมองข้ามมาโดยตลอดส่วนหนึ่งเป็นเพราะในยุคก่อนๆ ไทยมักจะเจอกับคู่แข่งที่อยู่ในละแวกอาเซียน ซึ่งมีรูปแบบการทำเกมรุกที่ไม่หลากหลาย ทำให้แฟนบอลมองข้ามระเบียบและแผนการเล่นของการเล่นเกมรับ และจับจ้องไปที่เกมรุกแทนมากกว่า

    แต่สำหรับช่วง 3-4 ปีให้หลังเราทำผลงานได้ดีในระดับหนึ่งจนก้าวเข้าสู่เวทีเอเชียอย่างเต็มตัวได้อีกครั้ง และการผ่านเข้าสู้รอบคัดเลือกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายนี้แหละคือความสำเร็จขั้นแรกของช้างศึก แต่มันก็แลกมาด้วยความเจ็บปวดไม่น้อย เพราะยังไม่สามารถควานหาชัยชนะนัดแรกได้เลย แถมยังต้องแบกความกดดันของแฟนบอลเอาไว้มากมาย แต่มันก็ทำให้เห็นแล้วว่าการโดนยิงประตูในทุกๆ เกมของเรา ส่วนหนึ่งเกิดจากเกมรับที่ยังไม่ “เคี้ยว” มากพอ

    ย้อนกลับไปที่เกมอุ่นเครื่องกับ “อุซเบ” ซึ่งเป็นเกมแรกของ “ราเยวัช” ด้วยนั้นเขาได้แสดงจุดยืนของเขาอย่างชัดเจนว่าทีมชาติไทยในยุคของเขาจะต้องเริ่มต้นจาก “เกมรับ” ที่เหนี่ยวแน่นก่อนส่งต่อไปยังการทำเกมรุกที่มีประสิทธิภาพ และมันก็เห็นชัดเจนว่ารูปแบบการเล่นของช้างศึกนั้นดีขึ้นจริงๆ สำหรับการเคลื่อนที่ในเกมรับ ที่เคลื่อนที่กันเป็นกลุ่มและแทบไม่เปิดช่องว่างให้กับอุซเบ เลย แต่ในเกมรุกก็ยังไม่ดุดันพอ และต้องยอมรับว่า 2 ลูกที่เสียไปมันจนปัญญาจริงๆ และนั้นคือสิ่งที่ต้องกลับมาจูนกันต่อ

    “เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว” และ “พรรษา เหมวิบูลย์” แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในเกมนั้น เนื่องจากเขาทั้งคู่สอดประสานและการเคลื่อนที่นั้นค่อนข้างลงตัว แม้จะเพิ่งติดทีมชาติเป็นครั้งแรกก็ตาม เฉลิมพงษ์ มีการอ่านเกม และมีทางบอลที่ค่อนข้างไว้ใจได้ ด้านพรรษา ก็มีรูปร่างที่สูงใหญ่ แถมอ่านเกมได้ดีอีกด้วย ทำให้เชื่อกันว่าปราการหลังทั้งสองคนนี้มีลุ้นขึ้นมาเป็นกำลังหลักในทีมชาติได้ไม่ยาก

    เมื่อราเยวัช หาคู่ปราการหลังที่เหนียวแน่นของเขาได้แล้ว แน่นอนว่า “เจ้าตั้ม” ธนบูรณ์ เกศารัตน์ ก็จะสามารถขยับขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งถนัดของเขาได้อย่างไม่ต้องระแวงหลัง ทำหน้าที่ปัดกวาด ตัดบอล ให้ทีมได้อย่างสบายใจ ถึงแม้เขาจะบอกเองว่าเขาสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งที่กุนซือต้องการก็ตาม

    สำหรับเกมในบ้านนัดแรกที่ทัพ “ช้างศึก” ในยุของ “ราเยวัช” จะต้องพบกับทีมอย่าง “ยูเออี” ที่กำลังคั่วตั๋วไปฟุตบอลโลกอยู่นั้น เราคงจะได้เห็นรูปโฉมการเล่นที่แตกต่างออกไป ส่วนจะทำได้ดีแค่ไหนนั้นเราก็ต้องเอาใจช่วยทีมชาติของเรากันต่อไปไม่ว่าใครจะเป็นกุนซือก็ตาม แต่หนึ่งสิ่งที่อยากให้ราเยวัช ทำให้ได้ก็คือการเติมความ “เคี้ยว” ให้กับแนวรับอย่างที่เขาบอก เพราะการเจอทีมระดับเอเชีย เราคงไม่ได้โหดถึงขึ้นเปิดหน้าแลกได้ขนาดนั้น สำหรับทีมรองบ่อนการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่น หรือ การเลือกกลวิธีที่แยบยล ไม่ได้หมายความว่าคุณด้อยกว่า แต่นั้นหมายความว่าคุณฉลาดพอที่จะเลือกเล่นอย่างอดทนเพื่อชัยชนะต่างหาก ไทยแลนด์ สู้ๆ!!!

“หนำจอมเหน่อ”

ผลบอลสด สกอร์บอล ตารางคะแนน

ผลบอลสด สกอร์บอล ตารางคะแนน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ฟุตบอลทีมชาติไทย แฟนคลับ 13322.com